เด็กปฐมวัย สมองทำงานอย่างไร
เมื่อนำการทำงานของสมองมาจัดลำดับสัมพันธ์กับอายุจึงเรียกว่าพัฒนาการ
พัฒนาการ
การเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปตามลำดับขั้นตอนอย่างต่อเนื่อง เช่นการ คืบ คลาน นั่ง ยืน เดิน วิ่ง จะถ่ายทอดออกเป็นพฤติกรรมแสดงถึงความสามารถของเด็กที่ทำสิ่งใดได้ในแต่ละระดับอายุ โดยรวมจะมีกรอบการเปลี่ยนเปลี่ยนแปลงที่มีลักษณะเดียวกัน
พัฒนาการทางสติปัญญามีลำดับอย่างไร
ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของเพียเจต์(ทิศนา แขมมณี,
2555) ซึ่งสามารถสรุปสาระสาคัญของเด็กในแต่ละช่วงวัยได้ดังนี้
1. เด็กแรกเกิดถึง 2 ปี อยู่ในขั้นการพัฒนาประสาทรับรู้และการเคลื่อนไหว(Sensori-Motor
Stage)เด็กจะพัฒนาการเคลื่อนไหวเป็นสาคัญ
เช่น การไขว่คว้า การเคลื่อนไหว การมอง การดู เด็กสามารถแก้ปัญหาได้แบบลองผิดลองถูก
แต่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคาพูด เด็กต้องมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมด้วยตนเอง ซึ่งสาคัญต่อพัฒนาการด้านสติปัญญาและความคิด
เด็กจะฝึกการประสานงานระหว่างกล้ามเนื้อมือกับสายตา และเรียนรู้จากการทาซ้าและเลียนแบบ
2. เด็กอายุ
2-7 ปีอยู่ในขั้นก่อนปฏิบัติการคิด(Preoperational Stage) แบ่งเป็นสองขั้นย่อยคือ
ขั้นก่อนเกิดสังกัป(Preconceptual Stage)เป็นพัฒนาการของเด็กอายุ2-4 ปี
เป็นขั้นที่เด็กเริ่มมีเหตุผลเบื้องต้น สามารถจะโยงความสัมพันธ์ระหว่างเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ หรือมากกว่ามาเป็นเหตุผลเกี่ยวโยงซึ่งกันและกัน
แต่เหตุผลของเด็กวัยนี้ยังมีขอบเขตจากัดอยู่ เพราะเด็กยังคงยึดตนเองเป็นศูนย์กลาง คือถือความคิดตนเองเป็นใหญ่
และมองไม่เห็นเหตุผลของผู้อื่น ความคิดและเหตุผลของเด็กวัยนี้ จึงไม่ค่อยถูกต้องตามความเป็นจริงนัก
นอกจากนี้ความเข้าใจต่อสิ่งต่างๆ ยังคงอยู่ในระดับเบื้องต้น เช่น เข้าใจว่าเด็กหญิง
2 คน ชื่อเหมือนกัน จะมีทุกอย่างเหมือนกันหมด แสดงว่าความคิดรวบยอดของเด็กวัยนี้ยังไม่พัฒนาเต็มที่
แต่พัฒนาการทางภาษาของเด็กเจริญรวดเร็วมาก
ขั้นการคิดแบบญาณหยั่งรู้นึกออกเองโดยไม่ใช้เหตุผล)Intuitive Thought)
เป็นขั้นพัฒนาการของเด็ก
อายุ 4-7 ปี
ขั้นนี้เด็กจะเกิดความคิดรวบยอดเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ รวมตัวดีขึ้น รู้จักแยกประเภทและแยกชิ้นส่วนของวัตถุ
เข้าใจความหมายของจานวนเลข เริ่มมีพัฒนาการเกี่ยวกับการอนุรักษ์ แต่ไม่แจ่มชัดนัก สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้โดยไม่คิดเตรียมล่วงหน้าไว้ก่อน
รู้จักนาความรู้ในสิ่งหนึ่งไปอธิบายหรือแก้ปัญหาอื่นและสามารถนาเหตุผลทั่วๆ ไปมาสรุปแก้ปัญหา
โดยไม่วิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนเสียก่อนการคิดหาเหตุผลของเด็กยังขึ้นอยู่กับสิ่งที่ตนรับรู้
หรือสัมผัสจากภายนอก
3.ขั้นปฏิบัติการคิดด้านรูปธรรม(Concrete Operation Stage) ขั้นนี้จะเริ่ม
จากอายุ
7-11 ปีพัฒนาการทางด้านสติปัญญาและความคิดของเด็กวัยนี้สามารถสร้างกฎเกณฑ์และตั้งเกณฑ์ในการแบ่งสิ่งแวดล้อมออกเป็นหมวดหมู่ได้
เด็กวัยนี้สามารถที่จะเข้าใจเหตุผล รู้จักการแก้ปัญหาสิ่งต่างๆ ที่เป็นรูปธรรมได้ สามารถที่จะเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องความคงตัวของสิ่งต่างๆ
โดยที่เด็กเข้าใจว่าของแข็งหรือของเหลวจานวนหนึ่งแม้ว่าจะเปลี่ยนรูปร่างไปก็ยังมีน้าหนัก
หรือปริมาตรเท่าเดิม สามารถที่จะเข้าใจความสัมพันธ์ของส่วนย่อย ส่วนรวม ลักษณะเด่นของเด็กวัยนี้คือ
ความสามารถในการคิดย้อนกลับ นอกจากนั้นความสามารถในการจาของเด็กในช่วงนี้มีประสิทธิภาพขึ้น
สามารถจัดกลุ่มหรือจัดการได้อย่างสมบูรณ์ สามารถสนทนากับบุคคลอื่นและเข้าใจความคิดของผู้อื่นได้ดี
แต่....
พัฒนาการแต่ละคนมีคุณภาพแตกต่างกัน ตามปัจจัยที่แวดล้อมเช่น อาหาร การอบรมเลี้ยงดู เป็นต้น
ดังนั้น....
ครูจะต้องยอมรับในความแตกต่างระหว่างบุคคลของเด็ก
การทำงานของสมอง --พัฒนาการทางสติปัญญา--แสดงออกเป็นพฤติกรรม
อายุแรกเกิด- 2ปี ขั้นประสาทสัมผัส เด็กก็จะแสดงพฤติกรรม ตาจ้องมอง
หูฟังเสียง มือไขว่ขว้าหยิบของเข้าปาก จมูกดมกลิ่น กายสัมผัส ดังนั้นประสาทสัมผัสทั้งห้าของเด็กจึงเป็นเครื่องมือในการเก็บหรือซึมซับข้อมูลและนำไปสู่การเรียนรู้ดังการทำงานของสมอง
หูฟังเสียง มือไขว่ขว้าหยิบของเข้าปาก จมูกดมกลิ่น กายสัมผัส ดังนั้นประสาทสัมผัสทั้งห้าของเด็กจึงเป็นเครื่องมือในการเก็บหรือซึมซับข้อมูลและนำไปสู่การเรียนรู้ดังการทำงานของสมอง
จึงสรุปได้ว่า
ครูจึงต้องจัดประสบการณ์ให้เด็กได้ลงมือกระทำกับวัตถุด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5 จะทำให้เด็กเกิดการเรียนรู้และเมื่อใด ครูเปิดโอกาสให้เด็กเลือกและตัดสินใจกระทำด้วยตนเองอย่างไม่เป็นทางการจะทำให้การเรียนรู้นั้นอยู่บนพื้นฐานของความสุขที่เราเรียกว่าการเล่นนั้นเองเด็กปฐมวัย VS การเรียนรู้วิทยาศาสตร์?
วิทยาศาสตร์เป็นยาขมสำหรับเด็ก
ๆ จริงหรือ ?
ถ้าเด็ก ๆ
เรียนวิทยาศาสตร์ตั้งแต่ชั้นอนุบาลจะยากเกินไปไหม ?
ควรจะให้เด็ก
ๆ อนุบาลเรียนรู้วิทยาศาสตร์อย่างไร ? .
วิทยาศาสตร์
คือความพยายามของมนุษย์ที่จะเรียนรู้และทำความเข้าใจกับสิ่งรอบตัวและตัวตนของตนเอง
ความพยายามเช่นนี้ติดตัวของมนุษย์มาตั้งแต่แรกเกิด
ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากธรรมชาติของเด็กที่มีความอยากรู้อยากเห็นช่างสังเกตและคอยซักถามเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ
ที่พวกเขาเจอ และบางครั้งก็เป็นคำถามที่ยากเกินกว่าที่ผู้ใหญ่จะให้คำตอบ การทำความเข้าใจกับสิ่งรอบตัวและตัวตนของตนเอง
โดยการสังเกตและคอยซักถามเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ
ที่พวกเขาเจอช่วยเชื่อมโยงเซลล์ของสมองของเด็กโดยเฉพาะเด็กเล็กๆ
เพราะส่งเสริมให้เด็กได้คิด
เป็นการเตรียมเด็กให้สามารถเรียนรู้ได้มากขึ้นในวัยที่สูงขึ้น
ถ้าผู้ใหญ่ไม่เข้าใจในธรรมชาติของเด็ก
ปิดกั้นโอกาสทางการเรียนรู้ของพวกเขาโดยการไม่ให้ความสนใจกับคำถาม
ไม่ให้ความสนใจกับการค้นพบแบบเด็กๆ
จัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่จะส่งเสริมและต่อยอดทักษะและแนวคิดที่ถูกต้องให้กับเด็กไม่สอดคล้องกับพัฒนาการและวิธีการเรียนรู้
ทบทวนบทบาท
เปิดโอกาสทางการเรียนรู้ของพวกเขาโดยการให้ความสนใจกับคำถาม
ให้ความสนใจกับการค้นพบแบบเด็กๆ
จัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่จะส่งเสริมและต่อยอดทักษะและแนวคิดที่ถูกต้องให้กับเด็กอย่างเหมาะสม
ครูและผู้ปกครองต้องยอมรับในเรื่องจินตนาการที่มีอยู่สูงในเด็กวัยนี้
ครูต้องแม่นยำในพัฒนาการของเด็ก
เพื่อที่จะสามารถจัดการเรียนรู้ได้สอดคล้องกับความสามารถของเด็ก
งานที่มอบหมาย.Link บทความและสรุปในBlog จัดลำดับผู้ที่จะนำเสนอ สัปดาห์ละ 5 คน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น